เพียงช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อเศรษฐกิจจ.อุดรธานี จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ย่านการค้าคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ หรือบ้านเดี่ยวผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ราคาที่ดินย่านทำเลทองในตัวเมืองบริเวณใกล้สถานีรถไฟซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางแหล่งช็อปปิ้ง เมื่อ3 ปีก่อนราคาที่ดินตารางวาละ 6 หมื่นบาทหรือไร่ละ 20-24 ล้านบาท ปัจจุบันราคาพุ่งขึ้นแพงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตกตารางวาละ 1-1.5 แสนบาท หรือไร่ละ 40-60 ล้านบาท ย่านดังกล่าวคึกคักเพราะมีห้างเซ็นทรัลพลาซา อุดรธานีและยูดี ทาวน์ พลาซาเป็นศูนย์กลาง เหมือนไข่แดงที่มีพลังราวกับแม่เหล็กยักษ์ดึงดูดเงินในกระเป๋าคนให้มาช็อปปิ้งโดยกลุ่มที่ใจป้ำที่สุดคือ "คนลาว" ซึ่งหลั่งไหลเข้ามาทิ้งเงินเป็นฟ่อนๆ จากคนชั้นสูงของประเทศ เช่น นักการเมือง นักธุรกิจ หรือข้าราชการระดับสูง
ธนกร วีรชาติยานุกูลกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอุดรพลาซ่า เจ้าของศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ การันตีว่ากลุ่มคนชนชั้นสูงในประเทศลาวมาเป็นลูกค้านับหลายแสนคนในแต่ละปี สร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท "วันนี้คนลาวที่เป็นชนชั้นสูงต่างหลั่งไหลมาเที่ยวกินดื่มที่นี่ เพราะมีกำลังซื้อแบบไม่อั้น เช่น นิยมดื่มไวน์ซื้อ ชอบรับประทานอาหารแพงๆ เช่น หูฉลาม เป็ดปักกิ่ง หมูหันหรือหากดื่มกาแฟก็ต้องเป็น สตาร์บัคส์ เพราะห้างยูดีฯเคยเอากาแฟวาวีมาขายแต่กลับขายไม่ได้ จนต้องเปลี่ยนมาขายสตาร์บัคส์" ธนกร กล่าว นอกจากนี้ ร้านบุฟเฟ่ต์แบรนด์ดังในกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่ต่างพากันเปิดเรียงรายในอุดรฯ โต๊ะทุกร้านก็ถูกจองเต็ม จนเจ้าของร้านรายหนึ่งบอกว่า มีรายได้อย่างต่ำจากคนลาวเดือนละ 5 ล้านบาท รวมไปถึงไลฟ์สไตล์อื่นๆเช่น แฟชั่น เครื่องประดับและเครื่องสำอางไม่ว่าจะแพงขนาดไหนเศรษฐีลาวพร้อมจ่าย ศุภชัย แพทย์ช้างนักธุรกิจร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์กล่าวว่า ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ รถติดอย่างมากตั้งแต่เช้า 06.00-07.00 น. และในช่วงเย็น 16.00 น.เนื่องจากคนลาวขับรถทั้งรถส่วนตัวและรถทัวร์เข้ามาช็อปปิ้งกินดื่มในย่านกลางเมือง
เงินที่สะพัดนี้มิใช่เพราะกำลังซื้อด้วยบัตรเครดิต แต่คือการหอบเงินเหรียญสหรัฐมาแลกเป็นเงินบาท แม้แต่นักธุรกิจต่างชาติที่ไปลงทุนในประเทศลาว เช่นจีน เกาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากต่างข้ามแม่น้ำโขงมาจับจ่ายสินค้าแล้ว พวกเขายังมาตั้งรกรากสร้างบ้านเรือนที่นี่อีกด้วย เนื่องจากนักธุรกิจต่างชาติในลาวถูกรัฐบาลผลักไสทางอ้อม โดยตั้งราคาที่ดินในเมืองเวียงจันทน์ไว้สูงถึงราคาตารางเมตรละ 3,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 9 หมื่นบาทส่งผลให้พวกเขาขนเงินข้ามฝั่งมาหาซื้อที่ดินปลูกบ้านที่นี่ สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ต่างแข่งกันเปิดโครงการตามทางถนนหมายเลข 2 ซึ่งเป็นทางผ่านจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคาย-อุดรฯ พบเห็นได้ชัดว่า บ้านและที่ดินขึ้นป้ายขายเต็มสองข้างทาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พากันผุดโครงการหรูกลางเมืองอุดรฯ เป็นจำนวนมาก เช่น เดอะเบส ไฮท์-อุดรธานี โดยบริษัท แสนสิริ บริษัท แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเมนท์ "ลุมพินีเพลส ยูดี-โพศรี" หรือคอนโดมิเนียมโครงการแอสปายอุดรธานี ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ราคาห้องเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1.1-1.5 ล้านบาทต่อห้องยอดขายทุกโครงการจองทะลุเกิน 80% ธุรกิจอื่นๆก็ขยับตัวเช่นกัน เช่น เส้นทางสายการบินใหม่ล่าสุด อุดรฯ-อินชอน (เกาหลี) หรือสารพัดย่านท่องเที่ยว จนกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจทุกภาคส่วนในจังหวัดขยับขยายตอบสนองกำลังซื้อไลฟ์สไตล์คนลาว จนทำให้วันนี้อุดรธานีกลายเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ ไม่ต่างจาก กทม.เชียงใหม่ หรือภูเก็ต การเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมภาคเกษตรไปสู่ภาคบริการเติบโตเร็วขึ้นทุกวันๆ ทิ้งห่างที่อื่นๆในภาคอีสานจนวิ่งตามไม่ทัน ณ วันนี้ ที่นี่กลายเป็นเมืองหลวงแห่งที่ราบสูงไปแล้ว
ที่มา : โพสต์ทูเดร์ ฉบับวันที่ 8 กรกฎาคม 2556